ในยุคดิจิทัลที่เราใช้ชีวิตอยู่กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตลอดเวลา การทำความเข้าใจและปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานในการใช้งานอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองและข้อมูลส่วนตัว แต่ยังเพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์เหล่านั้นอีกด้วย การละเลยหลักการง่ายๆ เหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ตั้งแต่ข้อมูลรั่วไหล ไปจนถึงความเสียหายของอุปกรณ์ที่คุณรักการใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัลอย่างชาญฉลาดไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่ใส่ใจและทำความเข้าใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการตั้งรหัสผ่านที่รัดกุม การระมัดระวังในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน การอัปเดตซอฟต์แวร์อยู่เสมอ หรือแม้กระทั่งการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย ล้วนเป็นสิ่งที่เราควรใส่ใจเทรนด์และประเด็นที่น่าสนใจในปัจจุบันคือการให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้นเรื่อยๆ การโจมตีทางไซเบอร์มีความซับซ้อนและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้ผู้ใช้งานต้องตระหนักถึงความเสี่ยงและเตรียมพร้อมรับมืออยู่เสมอ นอกจากนี้ เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AI และ IoT ก็เข้ามามีบทบาทในการใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัลของเรามากขึ้น ซึ่งนำมาทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่ๆในอนาคต คาดการณ์ว่าเราจะเห็นการพัฒนาของเทคโนโลยีที่เน้นการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้งาน AI เพื่อช่วยในการตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ นอกจากนี้ การเรียนรู้ทักษะดิจิทัลและการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์จะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนลองมาดูรายละเอียดเพิ่มเติมในบทความด้านล่างนี้กันเลยครับ!
ชีวิตดิจิทัลที่ปลอดภัย: เคล็ดลับง่ายๆ ที่มองข้ามไม่ได้ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา การใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัลอย่างปลอดภัยจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เหล่านี้ล้วนเป็นประตูสู่โลกออนไลน์ที่มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง การเรียนรู้วิธีการใช้งานอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นได้
1. ตั้งรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยาก
รหัสผ่านคือด่านแรกในการปกป้องบัญชีออนไลน์และข้อมูลส่วนตัวของคุณ การตั้งรหัสผ่านที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลส่วนตัวที่คาดเดาได้ง่าย เช่น วันเกิด ชื่อ หรือหมายเลขโทรศัพท์ ควรใช้รหัสผ่านที่มีความยาวอย่างน้อย 12 ตัวอักษร และประกอบด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ ตัวอักษรพิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ผสมกัน
2. เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย (Two-Factor Authentication)
การยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย (2FA) เป็นการเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งให้กับบัญชีของคุณ นอกเหนือจากการใช้รหัสผ่านแล้ว คุณจะต้องยืนยันตัวตนผ่านอุปกรณ์อื่น เช่น โทรศัพท์มือถือหรืออีเมล เมื่อคุณเปิดใช้งาน 2FA แม้ว่าใครบางคนจะรู้รหัสผ่านของคุณ พวกเขาก็จะไม่สามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้หากไม่มีอุปกรณ์ที่คุณใช้ยืนยันตัวตน
3. ระมัดระวังในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
แอปพลิเคชันต่างๆ อาจมีมัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายแอบแฝงอยู่ ดังนั้น ควรดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น เช่น App Store หรือ Google Play Store ก่อนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ควรอ่านรีวิวและตรวจสอบสิทธิ์ที่แอปพลิเคชันต้องการ เพื่อให้แน่ใจว่าแอปพลิเคชันนั้นปลอดภัยและไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของคุณ
ปกป้องข้อมูลส่วนตัว: รู้ทันกลโกงออนไลน์
การโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวและการหลอกลวงออนไลน์เป็นปัญหาที่พบบ่อยในปัจจุบัน มิจฉาชีพมักใช้กลวิธีต่างๆ เพื่อหลอกลวงให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรเครดิต รหัสผ่าน หรือข้อมูลทางการเงินอื่นๆ การเรียนรู้ที่จะระมัดระวังและรู้ทันกลโกงเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ
1. ระวังอีเมลและข้อความที่น่าสงสัย
อีเมลและข้อความที่น่าสงสัยอาจเป็นฟิชชิ่ง (Phishing) ซึ่งเป็นกลวิธีที่มิจฉาชีพใช้เพื่อหลอกลวงให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ตรวจสอบที่อยู่ของผู้ส่งและเนื้อหาของอีเมลหรือข้อความอย่างละเอียด หากมีข้อสงสัย อย่าคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบใดๆ
2. อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวทางโทรศัพท์
มิจฉาชีพอาจโทรศัพท์มาหลอกลวงให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคาร หน่วยงานราชการ หรือบริษัทต่างๆ หากมีใครโทรมาขอข้อมูลส่วนตัวของคุณ อย่าให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น ควรวางสายและโทรศัพท์กลับไปยังหน่วยงานนั้นๆ โดยตรง เพื่อตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
3. ตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์
ก่อนที่จะป้อนข้อมูลส่วนตัวลงในเว็บไซต์ใดๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์นั้นปลอดภัย สังเกตสัญลักษณ์รูปแม่กุญแจในแถบที่อยู่ของเบราว์เซอร์ ซึ่งแสดงว่าเว็บไซต์นั้นใช้การเข้ารหัส SSL เพื่อปกป้องข้อมูลของคุณ นอกจากนี้ ควรตรวจสอบ URL ของเว็บไซต์ให้แน่ใจว่าเป็นเว็บไซต์จริง ไม่ใช่เว็บไซต์ปลอมที่สร้างขึ้นเพื่อหลอกลวง
อัปเดตซอฟต์แวร์: ปิดช่องโหว่ ป้องกันภัยคุกคาม
การอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ดิจิทัลของคุณ การอัปเดตซอฟต์แวร์มักจะมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจถูกใช้เป็นช่องทางในการโจมตีจากมิจฉาชีพ
1. อัปเดตระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันเป็นประจำ
ตรวจสอบการอัปเดตระบบปฏิบัติการ (เช่น Windows, macOS, iOS, Android) และแอปพลิเคชันต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ติดตั้งการอัปเดตทันทีที่มีการแจ้งเตือน เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ของคุณได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามล่าสุด
2. เปิดใช้งานการอัปเดตอัตโนมัติ
เพื่อความสะดวกและมั่นใจได้ว่าคุณจะไม่พลาดการอัปเดตที่สำคัญ ควรเปิดใช้งานการอัปเดตอัตโนมัติสำหรับระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันต่างๆ การอัปเดตอัตโนมัติจะช่วยให้คุณได้รับการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยล่าสุดโดยไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบด้วยตนเอง
3. ถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ไม่ใช้งาน
ซอฟต์แวร์ที่คุณไม่ได้ใช้งานแล้วอาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้น ควรถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ไม่ใช้งานออกจากอุปกรณ์ของคุณ เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกโจมตี
การใช้งาน Wi-Fi สาธารณะอย่างปลอดภัย: ระมัดระวังทุกครั้งที่เชื่อมต่อ
Wi-Fi สาธารณะเป็นแหล่งที่สะดวกในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แต่ก็มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ต้องระมัดระวัง การใช้งาน Wi-Fi สาธารณะโดยไม่ระมัดระวังอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณถูกขโมยได้
1. หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมทางการเงินบน Wi-Fi สาธารณะ
ไม่ควรทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น การตรวจสอบยอดเงินในบัญชี การโอนเงิน หรือการซื้อสินค้าออนไลน์ บน Wi-Fi สาธารณะ ข้อมูลทางการเงินของคุณอาจถูกดักจับและนำไปใช้ในทางที่ผิดได้
2. ใช้ VPN (Virtual Private Network)
VPN เป็นเครื่องมือที่ช่วยเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลของคุณ ทำให้ยากต่อการดักจับข้อมูลเมื่อคุณใช้งาน Wi-Fi สาธารณะ ควรใช้ VPN ทุกครั้งที่คุณเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณ
3. ปิดการแชร์ไฟล์และเครื่องพิมพ์
เมื่อคุณใช้งาน Wi-Fi สาธารณะ ควรปิดการแชร์ไฟล์และเครื่องพิมพ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าถึงไฟล์และเครื่องพิมพ์ของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต
สำรองข้อมูล: เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
การสำรองข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการสูญเสียข้อมูลอันมีค่าของคุณ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ เอกสาร หรือข้อมูลอื่นๆ การสำรองข้อมูลจะช่วยให้คุณสามารถกู้คืนข้อมูลของคุณได้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น อุปกรณ์เสียหาย ถูกขโมย หรือถูกโจมตีโดยมัลแวร์
1. สำรองข้อมูลเป็นประจำ
กำหนดตารางเวลาสำหรับการสำรองข้อมูลเป็นประจำ อาจเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน หรือตามความถี่ในการใช้งานของคุณ การสำรองข้อมูลบ่อยๆ จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณมีข้อมูลสำรองที่เป็นปัจจุบันเสมอ
2. เลือกวิธีการสำรองข้อมูลที่เหมาะสม
มีวิธีการสำรองข้อมูลหลายวิธีให้เลือก เช่น การสำรองข้อมูลไปยังฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก การสำรองข้อมูลไปยังคลาวด์ (Cloud Storage) หรือการใช้ซอฟต์แวร์สำรองข้อมูล เลือกวิธีการที่เหมาะสมกับความต้องการและความสะดวกของคุณ
3. ตรวจสอบข้อมูลสำรอง
ตรวจสอบข้อมูลสำรองของคุณเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลสำรองนั้นสมบูรณ์และสามารถกู้คืนได้ ลองกู้คืนข้อมูลบางส่วนจากข้อมูลสำรอง เพื่อทดสอบว่ากระบวนการกู้คืนทำงานได้อย่างถูกต้อง
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับมัลแวร์: รู้จักภัยร้าย ป้องกันตัวเอง
มัลแวร์ (Malware) คือซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อทำลายหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต การทำความเข้าใจเกี่ยวกับมัลแวร์ประเภทต่างๆ และวิธีการป้องกันตัวเองจากมัลแวร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ
1. รู้จักมัลแวร์ประเภทต่างๆ
มัลแวร์มีหลายประเภท เช่น ไวรัส (Virus), เวิร์ม (Worm), โทรจัน (Trojan), แรนซัมแวร์ (Ransomware) และสปายแวร์ (Spyware) แต่ละประเภทมีวิธีการทำงานและผลกระทบที่แตกต่างกัน การเรียนรู้เกี่ยวกับมัลแวร์ประเภทต่างๆ จะช่วยให้คุณสามารถระบุและป้องกันตัวเองจากมัลแวร์ได้
2. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส
ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส (Antivirus Software) ที่มีประสิทธิภาพบนอุปกรณ์ของคุณ โปรแกรมป้องกันไวรัสจะช่วยตรวจจับและกำจัดมัลแวร์ที่อาจพยายามเข้ามาในระบบของคุณ
3. ระมัดระวังในการเปิดไฟล์แนบและคลิกลิงก์
ระมัดระวังในการเปิดไฟล์แนบและคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก ไฟล์แนบและลิงก์เหล่านี้อาจมีมัลแวร์แอบแฝงอยู่
การจัดการสิทธิ์การเข้าถึงแอปพลิเคชัน: ควบคุมข้อมูลส่วนตัวของคุณ
แอปพลิเคชันต่างๆ มักจะขอสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ บนอุปกรณ์ของคุณ เช่น ที่อยู่ติดต่อ รูปภาพ กล้อง หรือไมโครโฟน การจัดการสิทธิ์การเข้าถึงแอปพลิเคชันอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณควบคุมข้อมูลส่วนตัวของคุณได้
1. ตรวจสอบสิทธิ์ที่แอปพลิเคชันต้องการ
ก่อนที่จะติดตั้งแอปพลิเคชัน ตรวจสอบสิทธิ์ที่แอปพลิเคชันต้องการอย่างละเอียด หากแอปพลิเคชันขอสิทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของแอปพลิเคชันนั้นๆ ควรพิจารณาว่าคุณต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันนั้นหรือไม่
2. จำกัดสิทธิ์การเข้าถึงแอปพลิเคชัน
หลังจากติดตั้งแอปพลิเคชันแล้ว คุณสามารถจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงแอปพลิเคชันได้ในภายหลัง ไปที่การตั้งค่าของอุปกรณ์ของคุณและจัดการสิทธิ์การเข้าถึงแอปพลิเคชันตามความต้องการของคุณ
3. ถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้งาน
หากคุณไม่ได้ใช้งานแอปพลิเคชันใดๆ แล้ว ควรถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันนั้นออกจากอุปกรณ์ของคุณ เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว
การใช้โซเชียลมีเดียอย่างปลอดภัย: แบ่งปันอย่างชาญฉลาด
โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการเชื่อมต่อกับเพื่อนและครอบครัว แต่ก็มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ต้องระมัดระวัง การใช้โซเชียลมีเดียอย่างปลอดภัยจะช่วยให้คุณปกป้องข้อมูลส่วนตัวและหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
1. ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบนโซเชียลมีเดียของคุณ เพื่อควบคุมว่าใครสามารถเห็นโพสต์และข้อมูลส่วนตัวของคุณ
2. ระมัดระวังในการแบ่งปันข้อมูลส่วนตัว
ระมัดระวังในการแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวบนโซเชียลมีเดีย ข้อมูลที่คุณโพสต์อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้
3. ระวังการหลอกลวงบนโซเชียลมีเดีย
ระวังการหลอกลวงบนโซเชียลมีเดีย มิจฉาชีพมักใช้โซเชียลมีเดียเพื่อหลอกลวงให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือโอนเงิน
หลักการ | รายละเอียด | ข้อควรระวัง |
---|---|---|
รหัสผ่าน | ตั้งรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยากและเปิดใช้งาน 2FA | หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลส่วนตัวและอย่าเปิดเผยรหัสผ่านให้ใคร |
แอปพลิเคชัน | ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากแหล่งที่เชื่อถือได้และตรวจสอบสิทธิ์ | ระวังแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไป |
อีเมลและข้อความ | ระวังอีเมลและข้อความที่น่าสงสัย | อย่าคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่รู้จัก |
Wi-Fi สาธารณะ | ใช้ VPN และหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมทางการเงิน | ปิดการแชร์ไฟล์และเครื่องพิมพ์ |
สำรองข้อมูล | สำรองข้อมูลเป็นประจำและตรวจสอบข้อมูลสำรอง | เลือกวิธีการสำรองข้อมูลที่เหมาะสม |
มัลแวร์ | ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและระมัดระวังในการเปิดไฟล์แนบ | รู้จักมัลแวร์ประเภทต่างๆ |
โซเชียลมีเดีย | ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและระมัดระวังในการแบ่งปันข้อมูลส่วนตัว | ระวังการหลอกลวงบนโซเชียลมีเดีย |
การปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจมากยิ่งขึ้น อย่าลืมว่าความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจและเรียนรู้อยู่เสมอ เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวและป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ในโลกดิจิทัลชีวิตดิจิทัลของเราจะปลอดภัยยิ่งขึ้นได้ด้วยการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วคุณจะพบว่าการใช้งานโลกออนไลน์นั้นสนุกและปลอดภัยกว่าที่เคย
บทสรุป
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านในการใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัลอย่างปลอดภัยนะคะ การเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันของเรา สามารถสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้ค่ะ
อย่าลืมว่าการเรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญ เพราะภัยคุกคามทางไซเบอร์มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาค่ะ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการท่องโลกดิจิทัลอย่างปลอดภัยนะคะ!
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
1. ติดตามข่าวสารด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ทันต่อภัยคุกคามล่าสุด
2. เข้าร่วมอบรมหรือสัมมนาเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะ
3. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ หากคุณมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือ
4. ใช้เครื่องมือตรวจสอบความปลอดภัย เช่น VirusTotal เพื่อตรวจสอบไฟล์หรือเว็บไซต์ที่น่าสงสัย
5. สร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับคนรอบข้าง เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานโลกดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย
สรุปประเด็นสำคัญ
การตั้งรหัสผ่านที่แข็งแกร่งและการเปิดใช้งาน 2FA เป็นสิ่งจำเป็นในการปกป้องบัญชีออนไลน์ของคุณ
ระมัดระวังในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและตรวจสอบสิทธิ์ที่แอปพลิเคชันต้องการ
หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมทางการเงินบน Wi-Fi สาธารณะและใช้ VPN เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
อัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจำเพื่อแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
สำรองข้อมูลเป็นประจำเพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลอันมีค่าของคุณ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 📖
ถาม: การตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัยควรทำอย่างไร?
ตอบ: เอาจริงๆ นะ รหัสผ่านที่ปลอดภัยต้องยาวอย่างน้อย 12 ตัวอักษร มีทั้งตัวพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ผสมกันไป อย่าใช้ข้อมูลส่วนตัวง่ายๆ เช่น วันเกิดหรือชื่อเล่นเด็ดขาด ที่สำคัญคือเปลี่ยนรหัสผ่านทุกๆ 3-6 เดือนด้วยนะ เคยเจอมากับตัวเลย รหัสผ่านง่ายๆ นี่โดนแฮกง่ายมาก!
ถาม: จะรู้ได้อย่างไรว่าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่กำลังจะดาวน์โหลดนั้นปลอดภัยหรือไม่?
ตอบ: ก่อนจะดาวน์โหลดอะไรก็ตาม ต้องเช็คให้ดีก่อนเลยนะ ดูรีวิวจากผู้ใช้งานคนอื่นๆ อ่านรายละเอียดของแอปพลิเคชันให้ละเอียดว่าขออนุญาตเข้าถึงข้อมูลอะไรบ้าง ถ้าเยอะเกินไปก็ให้ระวังไว้ก่อนเลย ถ้าเป็นเว็บไซต์ก็ดูว่ามีสัญลักษณ์แม่กุญแจ (HTTPS) หรือเปล่า ถ้าไม่มีก็อย่าใส่ข้อมูลส่วนตัวอะไรลงไปเด็ดขาด เคยพลาดไปทีนึง เกือบโดนหลอกเอาข้อมูลบัตรเครดิตไปแล้ว!
ถาม: จะป้องกันตัวเองจากอีเมลหลอกลวง (Phishing) ได้อย่างไร?
ตอบ: อีเมล Phishing นี่มาในรูปแบบที่น่าเชื่อถือมากๆ ต้องสังเกตให้ดีเลยนะ เช็คชื่อผู้ส่งว่าถูกต้องไหม เนื้อหาอีเมลมีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์หรือเปล่า ถ้ามีข้อสงสัยอะไร อย่าคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบเด็ดขาด ติดต่อหน่วยงานที่ถูกอ้างถึงโดยตรงเพื่อตรวจสอบดีกว่า เคยเกือบกดไปแล้ว โชคดีที่เพื่อนทักไว้ทัน ไม่งั้นคงโดนแฮกไปแล้ว!
📚 อ้างอิง
Wikipedia Encyclopedia